สถิติเผยชาวจีนครองแชมป์ออกท่องเที่ยวต่างแดนมากที่สุดในโลก









สถิติเผยชาวจีนครองแชมป์ออกท่องเที่ยวต่างแดนมากที่สุดในโลก

เผยแพร่:    โดย: ผู้จัดการออนไลน์










จีนได้กลายเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางในต่างประเทศมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 (แฟ้มภาพ รอยเตอร์ส)








จีนได้กลายเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางในต่างประเทศมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556 (แฟ้มภาพ รอยเตอร์ส)

กลุ่มสื่อจีนรายงาน (6 ต.ค.) สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics of China) เปิดเผยสถิติระบุว่า ในปี 2559 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปยังต่างประเทศกว่า 135 ล้่านคน นับเป็นจำนวนที่มากที่สุดในโลก 
ตัวเลขข้างต้นเติบโตจากจำนวนเพียง 5 ล้านคนในปี 2538 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 17.6 ต่อปีในช่วง 21 ปีที่ผ่านมา โดยจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางในต่างประเทศมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556
กระทรวงการท่องเที่ยวจีนคาดการณ์ว่า นับจากนี้ไป ตลาดการท่องเที่ยวในต่างประเทศของจีนจะขยายตัวสูงขึ้นเฉลี่ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี โดยจะมีนักท่องเที่ยวมังกรออกตระเวนย่ำโลกราว 157 ล้านคนในปี 2563
เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา องค์การท่องเที่ยวโลก (World Tourism Barometer) ขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations World Tourism Organization/ UNWTO) ระบุนักท่องเที่ยวจีนทำสถิติออกเที่ยวต่างแดน มากกว่า 142 ล้านคน ในระหว่างปี 2560
รายงานระบุว่า จีนยังรักษาแชมป์จับจ่ายซื้อของมากสุดในตลาดท่องเที่ยวโลก โดยกลุ่มชาวจีนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศใช้จ่ายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 258,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 5 ของการใช้จ่ายในตลาดท่องเที่ยวโลก ในปีที่แล้ว ชาวจีนยังใช้จ่ายมากขึ้นในตลาดเฉพาะกลุ่ม (niche sectors) อาทิ การเที่ยวชิมรสเหล้าวิสกี้ การล่าแสงเหนือ ค่ายอาสาสมัคร และกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ



พฤติกรรมท่องเที่ยวคนจีนเปลี่ยนไป ธุรกิจไทยต้องปรับตัว

25 Mar 2019
img
หลังจากที่รัฐบาลจีน อนุญาตให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้อย่างอิสระ จำนวนทริปที่คนจีนเดินทางก็มีเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว หรือจาก 24 ล้านทริปในปี 2011 เป็น 69 ล้านทริป ณ สิ้นปี 2018 รวมถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไปด้วย ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยต้องมีการปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้

ซึ่ง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดย Economic Intelligence Center หรือ EIC ได้เปิดเผยการวิเคราะห์ “เรื่อง พฤติกรรมท่องเที่ยวจีนเปลี่ยน! แนะธุรกิจปรับตัว” เพื่อให้กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก ปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจ ให้เข้ากับรูปแบบ และพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

รูปแบบและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนเริ่มเปลี่ยน
นับตั้งแต่ที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้อย่างอิสระในปี 2011 ส่งผลให้จำนวนทริปที่คนจีนเดินทางออกไปยังต่างประเทศ (ไม่รวมฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน) ในปี 2018 เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 3 เท่าตัว หรือจากราว 24 ล้านทริปในปี 2011 เป็น 69 ล้านทริป ณ สิ้นปี 2018

ประกอบกับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการเกิดขึ้นของสื่อออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเป็นที่แพร่หลาย และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้คนจีนจำนวนหนึ่งเกิดความคุ้นเคยกับการท่องเที่ยวในต่างประเทศ

นอกจากนี้รายได้ของคนจีนที่เติบโต สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ และพฤติกรรมการท่องเที่ยวทั้งในกลุ่มคนจีนวัยกลางคน และกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับกระแสการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

คนจีนวัยกลางคนเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ เป็นกรุ๊ปทัวร์ที่เล็กลงและยืดหยุ่นมากขึ้น 
ผลสำรวจของ McKinsey เปิดเผยว่า กลุ่มคนจีนอายุ 35 ปีขึ้นไป เริ่มสนใจการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ที่สามารถออกแบบได้ด้วยตนเอง (Private & customized tour) ซึ่งมักจะมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงมาก เช่น ทัวร์ท่องเที่ยวขั้วโลกเหนือ ทัวร์ปีนเขาเอเวอเรสต์ ทัวร์ซาฟารีในแอฟริกา ทัวร์ที่เน้นทานอาหารมื้อหรูในร้านระดับ Michelin Star และชิมไวน์ที่มีชื่อเสียง ทัวร์เจาะลึกด้านสถาปัตยกรรม ฯลฯ

ซึ่งกรุ๊ปทัวร์ลักษณะนี้มักเกิดจากความต้องการท่องเที่ยวเฉพาะในกลุ่มเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่อกรุ๊ปไม่มากนัก และมีราคาสูง โดยสถิติของ Ctrip ระบุว่า แพ็กเกจทัวร์ที่ลูกค้าออกแบบ และปรับแต่งผ่านบริการของ Ctrip จะมีราคาสูงกว่าราคากรุ๊ปทัวร์รูปแบบทั่วไปอย่างน้อย 23% และถือเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในจีน ตรงข้ามกับตลาดกรุ๊ปทัวร์ทั่วไปที่กำลังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

คนจีนรุ่นใหม่เริ่มนิยมจ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อเสาะหาประสบการณ์แปลกใหม่
ผลสำรวจเดียวกันจาก McKinsey ชี้ให้เห็นว่า คนจีนอายุระหว่าง 20 - 34 ปี นิยมเลือกจุดหมายปลายทาง จองที่พัก และตั๋วเครื่องบินด้วยตนเอง แต่จะเสาะหากิจกรรมหรือแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ในจุดหมายปลายทางนั้นผ่านสื่อออนไลน์ จากนั้นจึงจ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อให้นำเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ตนเองสนใจแบบเจาะลึก ควบคู่กับการช่วยแก้ปัญหาด้านการสื่อสาร เนื่องจากคนจีนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว หรืออาจเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์ที่ตนเองสนใจจากบริษัททัวร์ท้องถิ่น เพื่อหาแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่มากขึ้นได้เช่นกัน

ทั้งนี้ในปัจจุบันมีบริษัทนำเที่ยว และมัคคุเทศก์อิสระจำนวนมากที่ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในลักษณะนี้ รวมถึงมีธุรกิจ Startup หลายรายที่สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อแพ็กแกจกิจกรรมที่ตนเองสนใจจากคนในชุมชนท้องถิ่นได้โดยตรง เช่น LocalAlike, TakeMeTour หรือ Airbnb Experience ซึ่งถือเป็นช่องทางที่ช่วยกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังชุมชนท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่ง




ที่มา : McKinsey&Company

ภาคการท่องเที่ยวไทยควรปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน 
บริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่อาจปรับเปลี่ยนหรือขยายรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ โดยการนำเสนอกิจกรรม หรือแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกใหม่และน่าสนใจในแพ็กเกจทัวร์ ซึ่งอาจเน้นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ชื่นชอบ เช่น กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหาร การเดินชมตลาดและวิถีชีวิต รวมถึงการได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่น เป็นต้น

นอกจากนี้ธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่อาจขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่นิยมหาข้อมูล และวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตนเองผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งต้องใช้วิธีการทำการตลาดที่ต่างออกไปจากเดิม เพื่อให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น การโปรโมทสินค้าหรือแหล่งท่องเที่ยวผ่าน Influencer หรือ blogger ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มวัยรุ่นชาวจีน การฉายคลิปโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ม การแชร์วิดีโอออนไลน์ของจีน เป็นต้น

ขณะเดียวกันชุมชนท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ ก็สามารถสร้างธุรกิจจากจุดเด่นของตนเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว และรับประโยชน์จากกระแสการเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนได้เช่นกัน



คนจีน ท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ไทยเป้าหมายหลัก รายได้เข้าประเทศ 1.8 ล้านล้านบาท

05 มีนาคม 61 16:47 น.

"คนจีน" ออกไปท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

จากสถิติปี 2017 ที่ผ่านมา ตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่ออกไปเที่ยวทั้งในและต่างประเทศพบว่า มีการออกไปเที่ยวกว่า 4.53 พันล้านครั้ง ตัวเลขดังกล่าวเท่ากับประชากรจีน 1.38 พันล้านคน ออกไปเที่ยวคนละ 3 ครั้งต่อปี ซึ่งทำให้ มูลค่าการท่องเที่ยวจากจีนสูงที่สุดในตลาดท่องเที่ยวของโลก และปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเงินสำหรับการท่องเที่ยวไปกว่า 680 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปี 2018 นี้ คาดการณณ์ว่า ในช่วงตรุษจีนจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศกว่า 6.5ล้านคน ตามการประเมินของบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6 เปอร์เซ็น แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะออกไปเที่ยวทั่วโลก แต่ในปีที่ผ่านมาก็มีรายงานการเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายและถูกฆ่าตายกว่า 700 คน โดยส่วนมากเกิดขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ประเทศไทยคือเป้าหมาย อันดับ 1 

อย่างที่เรารู้กันว่า ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว "ประเทศไทย" จะได้รับความนิยมติดอันดับต้นๆ ในระดับสากล และรายได้หลักของประเทศไทยในปัจจุบันก็มาจากภาคบริการ โดย ททท.ก็รายงานในทุกปีว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 


โดยเฉพาะหลายปีที่ผ่านมา ดูจากสถิติของกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักในประเทศไทย จะเห็นว่า "นักท่องเที่ยวจีน" เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มหลักในประเทศไทย ทุกวันนี้ตามท้องถนนเราจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนทุกหนทุกแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประทศ


​สาเหตุที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มมาจากกระแสหนัง Lost in Thailand ที่ดังเป็นพลุแตกในจีนแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งไม่กี่ปีมานี้จากการที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนกับญี่ปุ่นและเกาหลีค่อนข้างเคร่งเครียด ทำให้นักท่องเที่ยวโยกย้ายจุดมุ่งหมายการท่องเที่ยวไปที่ประเทศไทย


ซึ่งตัวเลขของทางการไทยในปี 2560 ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยกว่า 35 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีมากเป็นอันดับ 1 เกือบ 10 ล้านคน การใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในไทยต่อวันต่อหัวของนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทขึ้นไป


และไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ในปัจจุบันคนจีนบางกลุ่มยังมองหาโอกาสที่จะซื้อบ้านอยู่ที่เมืองไทย เนื่องจากไทยมีราคาอสังหาที่ยังถูกกว่าจีนและต้องการหาโอกาสเก็งกำไรบ้านที่เมืองไทย


ปัจจุบันรัฐบาลจีนมีมาตราการการป้องกันการเก็งกำไรบ้านและซื้อบ้านหลายหลังของคนจีน ผลจากการเก็งกำไรอย่างกว้างขวางเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ราคาบ้านในเมืองหลักของจีนปัจจุบันขึ้นไปสูงเป็นอย่างมาก






































จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาลนี้ อาจทำให้คนไทยเราพบเห็นวีรกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่ชวนปวดหัวอย่างมากมาย เพราะวัฒนธรรมแนวคิดหรือความเคยชินในชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโอกาสงานของคนไทยและรายได้ที่มาพร้อมนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น เป็นสิ่งที่เรามองข้ามหรือทิ้งไปไม่ได้เช่นกัน



ที่มา :
mgronline.com
www.voicetv.co.thwww.scmp.com 


เล่าเรื่องเที่ยวไทยในสายตาคนจีน วันที่ 24 มี.ค. 2562 เวลา 16:05 น..... อ่านต่อได้ที่ : 

https://www.posttoday.com/social/think/584386


นานาประเทศแย่งชิงนักท่องเที่ยวจีน แต่ใครจะเข้าวินต้องดูระบบเก็บเงิน



นานาประเทศแย่งชิงนักท่องเที่ยวจีน แต่ใครจะเข้าวินต้องดูระบบเก็บเงิน

CRI สื่อมวลชนชั้นนำของจีนเผยแพร่บทความว่าด้วยการพิชิตนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศนั้นๆ เริ่มจากการเปิด “รายงานการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อนประจำปี 2018” ว่า ในช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อนในปีนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่สนใจไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น 57% จากปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศและยอดการใช้จ่ายยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คาดว่าในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมจะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวต่างประเทศถึง 30 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไปเที่ยวในกว่า 1 พันเมืองของ 114 ประเทศทั่วโลก
ด้วยเหตุที่มีนักท่องเที่ยวจีนสนใจเดินทางไปต่างประเทศเป็นจำนวนมากนี้ รัฐบาลและนักธุรกิจของแต่ละประเทศก็เริ่ม “สงครามการแย่งคน” ขึ้นแล้ว คำดังในเว็บท่องเที่ยวจีนอย่าง “เข้าผู่” (เชื่อใจได้) และอื่นๆ ก็ได้กลายเป็นจุดขายของบริษัทในเนปาลด้วย
ในประเทศไทย มีการเปิดช่องทางพิเศษสำหรับชาวจีนที่สนามบินหลัก 5 แห่ง พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่พูดภาษาจีนได้คล่องเพื่อบริการนักท่องเที่ยวจีน
โดยเฉพาะ ในอเมริกา ที่ท่าเรือดัง Fisherman’s Wharf ใกล้ท่าเรือ Pier 39 ในเมืองซานฟรานซิสโก ก็มีการเปิดรับชำระเงินผ่าน Alipay แบบรอบด้านในช่วงวันหยุดฤดูร้อน เพื่อนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ
นานาประเทศแย่งชิงนักท่องเที่ยวจีน

การจะครองใจนักท่องเที่ยวจีนได้ ควรจะทำอย่างไร

คำตอบก็คือ การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ระบบการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือของจีนได้พัฒนาครอบคลุมพื้นที่ไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง รวมบริการการซื้อสินค้า อาหารเครื่องดื่ม การคืนภาษี และบริการอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเป็นการเอาใจนักท่องเที่ยวชาวจีน
ร้านค้าในหลายประเทศเลือกวิธีการใช้จ่ายที่คุ้นเคยของชาวจีนมาเป็นจุดขายเพิ่มขึ้น สร้างบริการแบบไร้เงินสดอย่างรวดเร็ว
การท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้ร่วมมือกับร้านค้าต่างๆ ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนเสนอวิธีการชำระเงินด้วย Alipay ใช้วิธีการลดราคาที่เป็นที่คุ้นเคยของชาวจีน มาสร้างคะแนนความประทับใจให้กับประเทศตน ประเทศต่างๆ ในยุโรปก็ได้ใช้ระบบคืนภาษีผ่าน Alipay ที่สนามบินต่างๆ เพิ่มขึ้น ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนถึง 80 แห่ง สร้างสถิติสูงสุด
นอกจากนี้สถิติจาก Alipay ล่าสุดชี้ว่าการชำระเงินผ่าน Alipay ในรัสเซียเพิ่มขึ้น 75 เท่า แคนาดาเพิ่ม 12 เท่า และมาเลเซียเพิ่ม 8 เท่า
นอกจาก Alipay แล้ว ยอดการใช้ WeChat ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันแท็กซี่ที่ฮ่องกงและญี่ปุ่นเริ่มรับชำระเงินด้วย WeChat แล้ว และในประเทศไทย ตั้งแต่ร้านค้าปลอดภาษีใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ไปจนถึงร้านค้าเล็กๆ ตามริมทางในจังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตก็เริ่มรับชำระเงินด้วย WeChat แล้ว สังคมไร้เงินสดกำลังครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ในเมืองไทยแล้ว
นึกถึง “จีน” นึกถึง “ซีอาร์ไอ”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ย่ำถิ่นมังกรใหม่ "ไชน่าทาวน์ห้วยขวาง"

สถาบันภาษาและวัฒนธรรมจีนปักกิ่ง Beijing Chinese Language and Culture College

สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล