ประสบการณ์ของคนที่โดนทุนขงจื้อ
ประสบการณ์ของคนที่โดนทุนขงจื้อ
http://www.jiewfudao.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1396189
คำปรารภของบรรณาธิการ:
ดร. วิชิต ลอลือเลิศ เป็นผู้นำสังคมจีนในประเทศไทยที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ กว่า 10 ตำแหน่ง อาทิเช่น ประธานสมาคมครูจีนแห่งประเทศไทย ประธานมูลนิธิผู้สื่อข่าวจีนแห่งประเทศไทย ประธานผู้ทรงเกียรติถาวร สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยประเทศจีน กรรมการบริหารสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เป็นต้น แม้ว่าท่านมีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว ยังคงอุทิศตนทำงานในตำแหน่งต่างๆ ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ ทำงานด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างเต็มกำลังเพื่อพัฒนาการศึกษาภาษาจีนและยกระดับความสามารถของครูสอนภาษาจีนในประเทศไทย ตลอดจนเพื่อพัฒนามิตรภาพระหว่างจีน-ไทยอย่างเต็มความสามารถ ดังนั้น ผู้สื่อข่าววารสารขงจื่อจึงได้เข้าพบเพื่อสัมภาษณ์ท่าน ดร. วิชิต ลอลือเลิศ ซึ่งท่านก็ได้กล่าวแนะนำประวัติความเป็นมาและสภาพการณ์ในปัจจุบันของการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยอย่างละเอียด และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและการรอคอยที่จะเห็นการพัฒนาทางการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยในอนาคต
ผู้สื่อข่าว: ท่านประธานครับ ท่านมีภารกิจมากมาย การงานก็รัดตัวมาก แต่ก็ยังให้โอกาสพวกเรามาเยือนและสัมภาษณ์ท่าน ทำให้พวกเรารู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง จึงขอขอบคุณท่านด้วยความจริงใจครับ
ประธาน: ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกคุณที่อุตส่าห์เดินทางมาไกลนับหมื่นลี้มาที่เมืองไทย เพื่อช่วยเหลือในด้านการเรียนภาษาจีนของพวกเรา ทั้งยังนำความรู้สึกดีๆ ที่ชาวจีนมีต่อพวกเราชาวไทยอย่างลึกซึ้งมาให้ พวกคุณถือเป็นทูตไมตรีระหว่างจีน-ไทย พวกเราต่างหากที่ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดๆ มาแสดงความขอบคุณต่อพวกคุณครับ
ผู้สื่อข่าว: ท่านประธานครับ ในฐานะที่ท่านเป็นนายกสมาคมครูจีนแห่งประเทศไทย ผมอยากจะขอความกรุณาให้ท่านกล่าวแนะนำสมาคมครูจีนแห่งประเทศไทยสักหน่อยได้ไหมครับ
ประธาน: ได้ครับ สมาคมครูจีนก่อตั้งมาได้ 30 กว่าปีแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ สนับสนุนการศึกษาภาษาจีน เผยแพร่วัฒนธรรมจีน ส่งเสริมความสามัคคีระหว่างครูสอนภาษาจีนและยกระดับคุณภาพการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทย เพื่อให้มีการพัฒนาการศึกษาภาษาจีนในไทยสุดความสามารถที่ตนมีอยู่ครับ
ผู้สื่อข่าว: ท่านประธานครับ ขอความกรุณาท่านกล่าวถึงสภาพการณ์การศึกษาภาษาจีนในไทย ณ ปัจจุบันสักหน่อยนะครับ
ประธาน: นับตั้งแต่ที่ผมรับตำแหน่งประธานสมาคมครูจีนแห่งประเทศไทยเป็นต้นมา ผมได้ไปเยี่ยมเยือนโรงเรียนต่างๆ จำนวนมากที่มีการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงเรียนต่างๆ ที่อยู่ในแต่ละจังหวัดหรือแต่ละอำเภอทางภาคตะวันออก เฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งรวมถึงอำเภอที่เล็กที่สุด หรือแม้แต่โรงเรียนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ชายแดนผมก็เคยไปตรวจสอบ พบว่า ในขณะนี้การเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย มีจุดเด่นร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ การตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนภาษาจีนในประเทศไทยทั่วทุกสถานที่ ทุกคนเรียนกันอย่างกระตือรือร้นและอุตสาหะพากเพียรอย่างยิ่ง โดยต่างต้องการที่จะเรียนและใช้ภาษาจีนได้ ทำให้เกิดเป็นกระแสนิยมในการเรียนภาษาจีนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สภาพการณ์การเรียนภาษาจีนถือว่าน่ายินดียิ่ง แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว โรงเรียน บางแห่งมีขนาดใหญ่มาก วัสดุอุปกรณ์ก็ทันสมัย จำนวนนักเรียนอาจมากกว่า 1,000 คนทีเดียว แต่บางโรงเรียนก็มีขนาดเล็ก นักเรียนก็มีไม่มาก และวัสดุอุปกรณ์เมื่อเทียบกันแล้วก็ค่อนข้างล้าหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการขาดแคลนครูภาษาจีนที่เป็นกำลังเสริม โรงเรียนภาษา จีนแห่งหนึ่งในตำบลระแงงของจังหวัดสุรินทร์ มีเพียงสามีภรรยาวัยชราคู่หนึ่งที่เป็นครูสอนภาษาจีน หลังจากผู้เป็นสามีเสียชีวิตไปแล้ว ก็เหลือแต่เพียงภรรยาวัย 78 ปีเป็นผู้สอนเพียงคนเดียว ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งรีบเพิ่มจำนวนผู้สอน เมื่อไม่นานมานี้ ประเทศจีนก็ได้ส่งครูอาสาสมัครสอนภาษาจีนมาช่วยเป็นกำลังใหม่ให้แก่โรงเรียนดังกล่าวนี้ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง ในขณะนี้โรงเรียนจีนของเอกชนในประเทศไทยมีอยู่ 119 แห่ง ครูสอนภาษาจีนมี 1,000 กว่าคน ครูวัยหนุ่มสาวมี 400 กว่าคน โรงเรียนเปิดหลักสูตรภาษาจีนมีการเพิ่มขึ้นตามลำดับ นอกจากโรงเรียนจีนแล้วยังมีโรงเรียนของรัฐ โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในวัด โรงเรียนนานาชาติ การเรียนการสอนภาษาจีนนับวันก็ยิ่งขยายวงกว้างขวางมากขึ้น ผู้เรียนภาษาจีนนับวันก็มีจำนวนมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งฝึกอบรมครูสอนภาษาจีนจำนวนมากเพื่อเป็นการสนับสนุนการสอนภาษาจีนต่อไป
ผู้สื่อข่าว: ท่านประธานครับ ผมอยากจะทราบสาเหตุว่าทำไมในปัจจุบันนี้ชาวไทยถึงนิยมเรียนภาษาจีนครับ
ประธาน: นับตั้งแต่ที่สมาคมครูจีนแห่งประเทศไทย ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า 30 ปี การศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยได้ผ่านเส้นทางที่ค่อนข้างขรุขระ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างลุ่มๆ ดอนๆ แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้เองที่ได้พบกับสิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยน ศักยภาพของประเทศจีนที่ขยายเพิ่มมากขึ้น มีผลต่อชาวโลกมากขึ้นทุกวัน ประเทศต่างๆ ในโลกต่างก็ให้ความสนใจประเทศจีน ต่างก็เรียนภาษาจีนและวิจัยวัฒนธรรมจีน ในสภาพการณ์เช่นนี้รัฐบาลไทยมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมีการตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เล็งเห็นว่าหากไม่เรียนภาษาจีนก็จะเป็นผลเสียต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแบบอย่างให้พวกเรา ทำให้พวกเราได้รับแรงบันดาลใจอย่างใหญ่หลวง ชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยอยู่ในไทยจำนวนมากมายก็เรียกร้องอย่างมากให้มีการเรียนภาษาจีน การศึกษาภาษาจีนในไทยจึงได้รับการฟื้นฟูใหม่อีกครั้งหนึ่ง และมีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การทำงานอย่างขยันขันแข็งของสถาบันขงจื่อที่ประเทศจีนและประเทศไทยได้ร่วมมือกันก่อตั้งขึ้น รวมทั้งครูผู้สอนภาษาจีนและครูอาสาสมัครจำนวนมากที่มาจากประเทศจีน ได้เพิ่มชีวิตชีวาและความคึกคักให้กับการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทย และได้ช่วยผลักดันการเรียนภาษาจีนในประเทศไทยให้มีความก้าวหน้า ทำให้การศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยมีสภาพการณ์ที่ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้สื่อข่าว: หลังจากได้ฟังการแนะนำของท่านประธานแล้ว ทำให้พวกเราเกิดกำลังใจเป็นอย่างยิ่งครับ ประเทศจีนให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เท่าที่ผมทราบนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ ประเทศจีนและประเทศไทยได้ร่วมมือกันก่อตั้งสถาบันขงจื่อ 12 แห่ง ห้องเรียนขงจื่อ 11 แห่งครูชาวจีนและอาสาสมัครชาวจีนที่ทางประเทศจีนส่งมานั้นมี 1,000 กว่าคน ท่านประธานเห็นว่าในปัจจุบันนี้การเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยต้องการความช่วยเหลือจากจีนในการแก้ไขปัญหาด้านใดบ้างครับ
ประธาน: ผมคิดว่าในปัจจุบันการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาหลักๆ อยู่ 4 ประการด้วยกันคือ 1) ปัญหาเรื่องค่าตอบแทนครู 2) ปัญหาเรื่องการสร้างอาคารเรียน 3) ปัญหาเรื่องตำราประกอบการเรียนการสอน และ 4) ปัญหาเรื่องวิธีการสอน ท่านก็ทราบว่า ค่าตอบแทนสำหรับครูสอนภาษาจีนในประเทศไทยนั้นค่อนข้างต่ำมาก บุคลากรที่มีความสามารถทางภาษาจีนที่ได้ไปเรียนจนสำเร็จการศึกษาจากประเทศจีน พอกลับมาที่ประเทศไทยก็ไม่อยากจะสอนภาษาจีน เพราะว่าเงินเดือนน้อยเกินไป ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพ ด้วยเหตุนี้ การขาดแคลนบุคลากรผู้สอนภาษาจีนจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดแคลนครูวัยหนุ่มสาว การขาดกำลังคนสำรอง หลายปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้สรรหาครูเพื่อส่งไปเรียนภาษาจีนทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก หรือเพื่อไปอบรมเป็นครูสอนภาษาจีนที่เป็นหลักสูตรระยะสั้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างครูสอนภาษาจีนรุ่นใหม่ของเราเอง รวมทั้งเป็นการยกระดับความรู้ความสามารถและวิธีการสอนภาษาจีนของครูด้วย สำหรับครูที่ขัดสนทางด้านทุนทรัพย์ เราจะออกค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศให้ เดือนเมษายนที่ผ่านมา เราได้คัดเลือกครูสอนภาษาจีนจำนวน 72 คนไปอบรมที่เซี่ยงไฮ้ ในจำนวนนั้นมีอยู่ 12 คนที่เป็นครูวัยหนุ่มสาวที่เกิดหลังปี 1980 สำหรับปัญหาเรื่องการสร้างอาคารเรียนนั้น ในอดีตความจำเป็นในเงินทุนโดยมากก็ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรการกุศล แต่ปัจจุบันนี้จำนวนผู้บริจาคเงินที่เป็นผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลในท้องถิ่นและสมาคมชาวจีนโพ้นทะเลนับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มีผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลบางคนบริจาคเงินถึง 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) เพื่อสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนจีน และบางคนก็บริจาคถึง 10,000,000 บาท (สิบล้านบาท) มีผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลคนหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตบริจาคที่ดินที่มีราคาถึง 260,000,000 บาท(สองร้อยหกสิบล้านบาท) เพื่อสร้างโรงเรียนจีน และมีประธานมูลนิธิการกุศลผู้มีจิตศรัทธาอีกท่านหนึ่งบริจาคเงิน 200,000,000 บาท (สองร้อยล้านบาท) ผมเชื่อว่าอาคารเรียนเพื่อการเรียนการสอนภาษาจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอนาคต สำหรับปัญหาเรื่องตำราประกอบการเรียนการสอนนั้นค่อนข้างจะเป็นปัญหาที่หนักหน่วง ในปัจจุบันนี้ โรงเรียนสอนภาษาจีนต่างผลิตตำราขึ้นเอง ไม่มีตำราประกอบการเรียนการสอนที่รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขาดแคลนตำราที่มีคุณภาพสูงและเหมาะกับผู้เรียนชาวไทย หากประเทศจีนสามารถให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ พวกเราก็จะรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง สำหรับปัญหาเกี่ยวกับวิธีการเรียนการสอนนั้น ก็นับเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง ภาษาจีนมีกฎเกณฑ์และลักษณะเด่นของตนเอง ผู้เรียนภาษาจีนชาวไทยก็ประสบกับความยากลำบากที่มีสาเหตุจากเราเอง เราจะศึกษาวิจัยอย่างไรเพื่อให้ได้วิธีการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนชาวไทย รวมทั้งสามารถเผยแพร่วิธีการเรียนการสอนดังกล่าวให้แพร่หลาย จะได้ยกระดับความสามารถทางภาษาของผู้เรียนชาวไทยให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเราก็หวังว่าจะสามารถร่วมมือกับประเทศจีนในด้านนี้ได้
ผู้สื่อข่าว: ท่านประธานครับ ผมอยากจะขอความกรุณาให้ท่านกล่าวถึงความสำคัญของการเรียนภาษาจีนที่มีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยครับ
ประธาน: ไม่ต้องสงสัยเลยครับ การเรียนภาษาจีนให้ดีมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวผมก็ทำทั้งงานทางด้านวัฒนธรรมและทางด้านเศรษฐกิจ ผมเห็นว่าไม่ว่าจะมองในแง่ของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน หรือในแง่ของเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง ภาษาจีนถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารของทั้ง 2 ฝ่าย และเป็นเครื่องผูกมัดเชื่อมความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นบทบาทและความสำคัญของภาษาจีนจึงเห็นได้อย่างชัดเจน ในอนาคตการกระชับและทวีความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนที่ลึกซึ้งเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ก็จะส่งผลให้ภาษาจีนมีบทบาทที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
ผู้สื่อข่าว: สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงศึกษาภาษาจีนมากว่า 30 ปี และทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีนโดยลำดับถึง 33 ครั้ง พระองค์ทรงโปรดและสนพระทัยในวัฒนธรรมจีนทรงพระราชนิพนธ์หนังสือแนะนำประเทศจีนหลายเล่ม ทรงผลักดันการเรียนการสอนภาษาจีน ได้ทรงพระราชทานคำขวัญแก่สถาบันขงจื่อแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า “ภารกิจอันหนักหน่วง หนทางที่ยาวไกล” และทรงสร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับไทย ต่อความเข้าใจระหว่างประชาชนชาวจีนและประชาชนชาวไทย และต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวจีนและชาวไทย พวกเราจะต้องถือพระองค์ท่านเป็นแบบอย่าง ดำเนินการให้สถาบันขงจื่อดียิ่งขึ้นไป ให้บริการด้านการเรียนการสอนภาษาจีนแก่ชาวไทย และอุทิศกำลังในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยครับ
ประธาน: ใช่ครับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทย และได้ทรงสร้างแบบฉบับในการเรียนภาษาจีนแก่พวกเรา ดังนั้น พวกเราจึงต้องดำเนินการเรื่องโรงเรียนจีนให้เป็นไปได้ด้วยดี และจะต้องเรียนภาษาจีนให้ดีให้ได้
ผู้สื่อข่าว: ท่านประธานครับ ผมยังมีคำถามสุดท้ายอีกคำถามหนึ่งครับ ปีนี้ท่านมีอายุเกือบ 80 ปีแล้ว แต่ท่านยังคงยืนหยัดในการทำงานด้านการศึกษาภาษาจีนในตำแหน่งต่างๆ ผมอยากจะทราบว่าสิ่งใดที่คอยสนับสนุนท่านอยู่ครับ ที่ทำให้ท่านแม้จะอาวุโสมากแล้ว แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่นและทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน
ประธาน: ตอนวัยเด็กของผม บ้านผมยากจนมากครับ ไม่มีโอกาสจะเรียนหนังสือ ต่อมา คุณอาผมท่านหนึ่งเป็นประธานกรรมการของโรงเรียนมัธยมหนานหยาง ผมจึงมีโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่เรียนได้ไม่ถึงปีก็ต้องหยุดเรียน อาจเป็นเพราะว่าตอนวัยเด็กผมไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ ผมจึงเข้าใจและรู้ซึ้งถึงความสำคัญของการเรียนเป็นอย่างดี และก็มีความสุขกับการทำงานเกี่ยวกับการศึกษาภาษาจีนในปัจจุบันนี้ ผมหวังว่าจะใช้โอกาสยุค “ภาษาจีนฟีเวอร์” เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนให้มีความก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่ง เพื่อให้บุตรหลานชาวจีนรุ่นใหม่มีความรู้ภาษาจีนและเข้าใจวัฒนธรรมจีนเป็นอย่างดี เพื่อให้มิตรภาพระหว่างประชาชนไทย-จีนได้สืบทอดต่อไป เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนมีการพัฒนาขึ้นอีกระดับหนึ่ง นี่คือภารกิจที่ผมจะต้องปฏิบัติจนถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าว: พอได้ฟังคำพูดของท่านประธานแล้ว พวกเรารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง การทำให้การเรียนการสอนภาษาจีนเป็นไปได้ด้วยดีนั้นถือเป็นความรับผิดชอบที่พวกเราจะต้องทำจนถึงที่สุด ประเทศไทยและประเทศจีนเป็นเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ขอให้พวกเราได้เพียรพยายามร่วมกันส่งเสริมให้การศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป
เมื่อถึงยามอำลา ท่านประธานก็ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของสำนักงาน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ส่งสายตามองพวกเรา และโบกมือให้กับพวกเราไม่หยุด ......
http://www.cim.chinesecio.com/hbcms/f/article/info?id=f6aa18c42300494b9bf8a7057aafdf83
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น